อื่นๆ

ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2560

คำถาม-คำตอบ ราคามาตรฐานงบประมาณ

เปลี่ยนการแสดงผล

  1. หน้าหลัก   >  สำนักงบประมาณ   >  โฆษกสำนักงบประมาณ   >  ข่าวสารจากโฆษกสำนักงบประมาณ   >  เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑  
เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ผู้เข้าชม : 2083

แถลงข่าว
เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑

สำนักงบประมาณได้เสนอ เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเมื่อวันอังคารที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนแรก เป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน ๔๙,๖๔๑.๙ ล้านบาท ซึ่งดำเนินการตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ ที่กำหนดไว้ว่า เมื่อได้จ่ายเงินคงคลังไปจะต้องตั้งชดใช้ใน พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม จึงเห็นได้ว่าในส่วนนี้ได้ดำเนินการเพื่อเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลัง มิให้ยอดสะสมของเงินคงคลังลดลง
ส่วนที่สอง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลอีกจำนวน ๑๐๐,๓๕๘.๑ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอคำของบประมาณเฉพาะโครงการ/รายการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามแนวทางสำคัญ ๓ แนวทาง ได้แก่
– การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๔ หน่วย ได้ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์
– การพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งรวมถึง การเข้าถึงแหล่งทุน วิสาหกิจชุมชน การท่องเที่ยวชุมชน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓ หน่วย ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองทุนหมู่บ้านฯ
– การปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรทั้งระบบ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๔ หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์

ดังนั้น จะเห็นว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีการกำหนดแนวทางและกรอบหน่วยงานผู้ปฏิบัติค่อนข้างชัดเจน หน่วยงานเป็นผู้จัดทำคำของบประมาณเข้ามา โครงการ/รายการที่ขอเข้ามาจะต้องมีรายละเอียดชัดเจน และที่สามารถตรวจสอบได้ ตั้งแต่ในขั้นตอนของสำนักงบประมาณ และจากฝ่ายนิติบัญญัติ มิใช่อยู่ในรูปของงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินฯ ซึ่งเป็นเงินที่ตั้งไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น สำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมาย เช่น ภัยพิบัติ เป็นต้น
2. ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๖๐ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมในช่วงปี ๒๕๕๙ ประกอบกับผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง ๒ เดือนแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (ตุลาคม – พฤศจิกายน 2560) ก็ยังสูงกว่าประมาณการตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นจำนวนประมาณ ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ ๕.๑ และคาดว่าจะมีรายได้ที่มาจากภาษีและรัฐพาณิชย์ต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก ประมาณ ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นฐานในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในครั้งนี้
ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่เป็นการจัดทำตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำ การก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การใช้จ่ายงบประมาณที่ลดความซ้ำซ้อน มุ่งเน้นการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติเป็นสำคัญ รวมทั้ง
ให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแนวทางการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติเป็นหลัก

3. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในครั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักไม่ใช่เป็นการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และมุ่งเน้นในการส่งเสริม พัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสในอาชีพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายสำคัญเป็นผู้มีรายได้น้อย ขณะเดียวกัน ยังมุ่งเน้นให้มีการพัฒนาในเชิงพื้นที่ผ่านกระบวนการประชาคม มีการสร้างและพัฒนาอาชีพในชุมชน มีโครงการที่สร้างความเข้มแข็งและเชื่อมโยงของวิสาหกิจชุมชน การท่องเที่ยวชุมชน นอกจากนี้ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมครั้งนี้ยังเน้นไปที่ภาคการเกษตร ให้มีการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตทั้งระบบ มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร ส่งเสริมการตลาดสมัยใหม่ ดังนั้น แนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมครั้งนี้ จึงไม่ใช่การทำประชานิยม หรือแจกเงิน แต่เป็นการวางรากฐานและปรับโครงสร้างของภาคการผลิต เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศในอนาคต ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้ประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมโครงการ/รายการ ที่มีความพร้อม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในครั้งนี้ และสำนักงบประมาณจะได้มีการจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งจะมีการติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด โดยเน้นโครงการที่สามารถดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และไม่ใช่รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ
4. หนี้สาธารณะ หมายถึง หนี้ที่กระทรวงการคลัง หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจกู้หรือหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน แต่ไม่รวมถึงหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจให้กู้ยืมเงิน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือธุรกิจประกันสินเชื่อ โดยกระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน และหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับกรอบความยั่งยืนทางการคลังในปัจจุบัน กำหนดสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP ไม่เกินร้อยละ 50
การจัดทำงบประมาณในรอบสี่ปีงบประมาณที่ผ่านมาจะใช้นโยบายงบประมาณขาดดุลโดยตลอด แต่รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ได้พยายามรักษาวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด สัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP ในปี ๒๕๕๗ คิดเป็นร้อยละ ๔๗.๑๘ ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียง ร้อยละ ๔๑.6๗ ณ พฤศจิกายน 2560 หากพิจารณายอดขาดดุลรวมของงบประมาณ ปี ๒๕๖๑ รวมงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม จะขาดดุลประมาณ ร้อยละ ๓.๓ ของ GDP ซึ่งมิได้สูงกว่าสถิติการขาดดุลงบประมาณในอดีต เช่นในช่วงปี ๒๕๕๒ – ๒๕๕๖ ที่มีการขาดดุลงบประมาณเฉลี่ยที่ร้อยละ ๓.๔ ของ GDP

รายชื่อผู้ที่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติม
1. โฆษกสำนักงบประมาณ นายบุญชู ประสพกิจถาวร ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
หมายเลขโทรศัพท์ 08 5488 9542
2. ผู้ช่วยโฆษกสำนักงบประมาณ นางเพชรัตน์ เสรีพันธ์พานิช ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การงบประมาณ หมายเลขโทรศัพท์ 08 1836 9822

ไฟล์แนบ

เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑.PDF

วันที่ลงประกาศ : 12 ก.พ. 2561   |   11:34   |   จำนวนการดาวน์โหลด : 479 ครั้ง
checksum:
ดาวน์โหลด ขนาดไฟล์ : 254.46 KB
วันที่ประกาศ : 18 ม.ค. 2561 | 09:30 น.
0 Shares